บทความนี้ผมขออนุญาตนำข้อเขียนของ “โอโช (Osho)” มาให้อ่านกันครับ
บุุรุษไว้เครายาวผู้นี้ เป็นหนึ่งในครูทางจิตวิญญาณที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในศตวรรษนี้ ได้รับการยอมรับว่าเป็นมหาปราชญ์ชาวอินเดีย นักเขียนนวนิยายอย่าง ทอม ร็อบบินส์ ให้สมญาเขาว่า “ชายที่อันตรายที่สุดจากพระเยซู” และหนังสือพิมพ์ “The Sunday Times” ขนานนามเขาว่าเป็น “หนึ่งในพัน ผู้สร้างสรรค์แห่งศตวรรษที่ 20” เกือบ 2 ทศวรรษ หลังจากเขาเสียชีวิตในปี 1990 อิทธิพลคำสอนของเขายังคงแผ่ขยาย เข้าถึงผู้แสวงหาทั่วโลก
หนังสือ “Everyday Osho – 365 วัน มหัศจรรย์สมาธิ” ของสำนักพิมพ์ เดอะ โพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) แปลโดย กำธร เก่งสกุล ซึ่งผมได้คัดมาให้อ่านกันวันนี้ เป็นหนังสือสมาธิเกี่ยวกับการใคร่ครวญและพิจารณาถึงโลกภายในทางด้านจิตวิญญาณ ลองอ่านดูในหัวข้อที่ว่า “ศรัทธาและการวางใจ” ขอขอบคุณผู้แปลและผู้พิมพ์หนังสือนี้ด้วยครับ
*******************
ศรัทธาทั้งมวลหายไปกับสิ่งที่คุณเรียกว่าการสวดมนต์ หายไปกับสิ่งที่คุณเรียกว่าสมาธิ ศรัทธาทั้งมวลทำให้ภาษาทั้งหมดที่ใช้บรรยายความสุขล้นถูกลืมเลือน ศรัทธาทั้งมวลกลายเป็นเรื่องของการใช้สติปัญญา อันได้แก่ คำสอน ลัทธิ และกฏเกณฑ์ มีถ้อยคำที่ใช้อธิบายความหมายของศรัทธา แต่ความหมายที่แท้จริงขาดหายไป ถ้อยคำที่เปี่ยมความหมายสูญหายไป
เมื่อพระเยซูคริสต์ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่นั้น ศาสนาเกิดขึ้นบนโลก และมีไม่กี่คนที่โชคดีพอที่ยอมรับพระองค์แล้วจะเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นหาใช่เกิดจากการที่คุณเปลี่ยนมาเป็นชาวคริสเตียนไม่ เพราะนั่นเป็นเรื่องผิวเผิน หากแต่เป็นเพราะมีบางอย่างเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์เข้ามาอยู่ในใจคุณ มีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างคุณกับพระเยซูคริสต์ คุณเปลี่ยนเป็นผู้มีศรัทธา มีดวงตาที่มองเห็นสิ่งใด ๆ แตกต่างไปจากเดิม มีหัวใจที่มีจังหวะการเต้นเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่คุณเปลี่ยนแปลงไป
ต้นไม้ยังคงมีสีเขียว แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นความมีชีวิตชีวา คุณแทบสัมผัสกับชีวิตที่แวดล้อมอยู่รอบตัวคุณได้ แต่เมื่อพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์ อะไรก็ตามที่พระองค์เคยตรัสไว้กลายเป็นกฎเกณฑ์และถูกจัดให้เป็นระบบ จากนั้นผู้คนก็เริ่มเปลี่ยนเป็นชาวคริสเตียนด้วยสิตปัญญา แต่พระเจ้าที่ทรงพระชนม์ชีพไม่ได้เป็นที่รับรู้กันอีกต่อไป
“ศรัทธาคือการวางใจสนิท ความจริงแล้ว คุณไม่ได้วางใจ แต่คุณยังคงเชื่ออยู่ และนั่นคือสิ่งที่หมายถึงศรัทธา แต่ความวางใจเป็นสิ่งที่ทำให้มีชีวิตชีวา เฉกเช่นความรัก”
************************
ถ้าอยากอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอโช อ่านได้ที่นี่ครับ
ท่าน ว. วชิรเมธี กล่าวถึงโอโชในหนังสือ “Osho Meetings with Remarkable People – Osho คุรุวิพากษ์คุรุ” ว่า
“สำหรับคนทั่วไป โอโชอาจเป็นนักคิดอันตราย เป็นนักปรัชญานอกระบบ เป็นวิปัสสนาจารย์ที่มีรีตรอยเป็นของตัวเอง เป็นนักปฏิวัติทางจิตวิญญาณที่คนขวัญอ่อนหวาดผวาที่จะปรายตาอ่านและฟังผลงานของเขา แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้ว โอโชหาได้เป็นอะไรอื่นอย่างที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ เพราะเขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่ “ตื่น” แล้ว และเพียรพยายามทำให้คนที่เหลืออยู่ในโลกได้ “ตื่น” ขึ้นมาเช่นเดียวกับเขา…..”
(ในหนังสือเล่มดังกล่าวนี้ โอโชได้วิพากษ์ว่าพระเยซูเจ้ามิได้ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พระองค์ถูกพาจากแค้วนจูเดียไปยังอินเดีย และมีชีวิตยืนยาวถึง 112 ปีในแคชเมียร์รวมทั้งโมเสสก็เสียชีวิตอยู่ ณ ที่นั้นด้วย เขายังบอกอีกว่าเขาเคยไปยังหลุมศพของพระเยซูรวมทั้งโมเสสด้วย…..อมิตพุทธ….เขาช่างกล้าหาญ บ้าบิ่นอะไรเช่นนี้…..ผมอ่านแล้วยังใบ้รับประทานเลยอ่ะครับ)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น