Drop Down Post (เลือกอ่านบทความและโพสต์ Comment)

วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

เครื่องหมายวรรคตอน - สู่ความหมายที่กระจ่างชัด


สวัสดีครับ….ท่านผู้อ่านทุกท่าน

บทความในหมวด Learning English นี้ อย่างที่เคยเขียนไปแล้ว มีที่มาจากหนังสือ “ศาสตร์แห่งศัพท์ภาษาอังกฤษ” ของ Reader’s Digest ข้อมูลและเนื้อหาของหนังสือมีมากมายมหาศาลและเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษจริง ๆครับ

ในการเรียบเรียงนั้น ผมพยายามอย่างที่สุดที่จะย่อยคัดและตัดทอนให้เป็นรูปแบบใหม่ ใส่ตารางหรือไดอะแกรมรูปภาพให้เหมาะสมและง่ายต่อการทำความเข้าใจและนำไปใช้ในการศึกษาภาษาอังกฤษได้ตามสมควร ขึ้นอยู่กับความพยายาม ใส่ใจและฝีกฝนของตัวท่านเอง (ในหนังสือต้นฉบับไม่มีรูปตารางหรือไดอะแกรมรูปภาพครับ)

เพื่อให้เนื้อหามีความหลากหลายและไม่น่าเบื่อทั้งตัวท่านผู้อ่านและกระผมผู้นำเสนอเป็นบทความ จึงจำเป็นต้องค่อย ๆเรียบเรียงให้มีหลายหัวข้อเพื่อให้ท่านผู้สนใจเลือกอ่านด้วยครับ


ในบทความต่อไปนี้จะกล่าวถึงการใช้เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ เพื่อสื่อความหมายให้ชัดเจน กระชับ ได้ใจความ ตรงประเด็น


โดยเฉพาะในการเขียน จำต้องอาศัยการเว้นวรรค  การเน้นความ การระบุถึงอารมณ์ต่าง ๆ ซึ่งก็คือการใช้เครื่องหมายวรรคตอนนั่นเอง

เครื่องหมายวรรคตอน ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Punctuation Marks” มีหลักการใหญ่ ๆ อยู่ 4 ประการคือ
1. ใช้จบประโยค
2. ใช้ขึ้นประโยค
3. ใช้แยกข้อความ
4. ใช้บรรจุข้อความ

เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษปัจจุบันนี้ได้แบ่งแยกออกเป็น 12 ประเภทดังตารางที่ผมสรุปมาให้ดูดังต่อไปนี้ครับ

ลำดับ เครื่องหมายวรรคตอน ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ
1     A,B,C การใช้อักษรตัวใหญ่ CAPITALIZATION
2      . มหัพภาคหรือจุด PERIOD OR FULL STOP
3       ? ปรัศนีหรือเครื่องหมายคำถาม QUESTION MARK
4        ! อัศเจรีย์ (เครื่องหมายตกใจ) EXCLAMATION MARK (POINT)
5         , จุลภาค COMMA
6          : เครื่องหมายทวิภาค COLON
7         ; อัฒภาค SEMICOLON
8          -- สัญประกาศ DASH
9    “  “  ‘    ‘   a อัญประกาศและตัวเอน (เครื่องหมายคำพูด) QUOTATION MARKS AND ITALICS
10   ( )  [ ] วงเล็บกลมและเหลี่ยม PARENTHESES AND BRACKETS
11   อะพอสโทรฟี APOSTROPHE
12 - ยติภังค์ HYPHEN


ขอจบเรื่องเครื่องหมายวรรคตอนครั้งแรกไว้แค่นี้ก่อน ในบทความตอนต่อ ๆไป ผมจะทยอยลงลึกรายละเอียดของเครื่องหมายแต่ละประเภทว่ามีวิธีการใช้อย่างไร พร้อมตัวอย่างเพื่อความเข้าใจครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น