บทความต่อไปนี้จะกล่าวถึงความคิดที่อาจเรียกได้ว่า “โคตรงี่เง่า” ที่เมื่อมันเข้ามาอยู่ในห้วงความคิดของเราแล้ว มันจะทำลายความสุขและทำให้เรามองโลกในแง่ลบอยู่ตลอด
จริง ๆแล้ว ไอ้เจ้าความคิดเหล่านี้มันก็วนเวียนอยู่ในหัวของเรา ๆท่านๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะผมด้วยแล้ว มันทำกับดักรอบล้อมความคิดและผมก็เผลอไปเหยียบและติดแหง็กกับมัน กว่าจะแกะออกแต่ละทีมันช่างลำบากยากเย็น
ดังเช่น ดาไล ลามะ จอมปราชญ์แห่งทิเบตได้กล่าวไว้ว่า “หนทางที่จะเอาชนะความคิดและอารมณ์ในแง่ลบก็คือการฝีกฝนพัฒนาความคิดอ่านในแง่บวกที่ตรงกันข้ามให้มันยิ่งใหญ่กว่าแข็งแรงกว่า” (พูดง่ายแต่ทำยาก…เน๊อะ)
เริ่มกันเลย…นี่คือความคิดสุดแป่ะยิ้งที่ผมอ่านเจอ
ฉันจะมีความสุขถ้าฉันมี…….(ส่วนใหญ่เป็นเงินและสิ่งของ)
จงพอใจในสิ่งที่ตนมี ไตร่ตรองให้รอบคอบว่าเราคือใคร ฝีกฝนให้มองแต่สิ่งที่เรามีและหาทางทำประโยชน์กับสิ่งที่เรามีหรือทำให้เพิ่มพูนขึ้น
ถ้าฉันเป็น………
เราเป็นใครไปไม่ได้หรอกครับ นอกจากตัวเราเอง หยุดเปรียบเทียบกับผู้อื่น ถ้าเราไม่หัดรักและเคารพตัวเอง ใครเขาจะมารักและเคารพเราเล่า? ทุกคนมีข้อดี ข้อด้อยกันทั้งนั้นแหละ
เห็นคนอื่นประสบความสำเร็จแล้วอิจฉาริษยา
กว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จได้ ส่วนใหญ่ต้องสู้ ต้องฝ่าด่านมามากมาย เราจำเป็นต้องฝีกฝนเรียนรู้จากพวกเขา ยกย่องพวกเขา เป้าหมายและความสำเร็จของแต่ละคนไม่เหมือนกันนะครับ เราอาจจะประสบความสำเร็จในอีกแบบหนึ่งก็ได้
ฉันป็นคนที่ล้มเหลว ทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง
หนังสือทุกเล่มในแนวจิตวิทยา มักกล่าวว่าความคิดของเราเป็นใหญ่ที่สุด คิดอย่างไรก็ได้อย่างน้้น ถ้าเราล้มอยู่เสมอ จงคิดว่าเราเป็นตุ๊กตาล้มลุก…สิครับ ไม่มีอะไรล้มเราได้นอกจากตัวเราเองที่ไม่ยอมลุกขึ้น
ฉันจะต้องชนะคนอื่น ๆรอบข้างให้ได้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ไม่มีทางที่จะให้ความช่วยเหลือแก่คนอื่น เดี๋ยวมันจะเก่งกว่าตูซิวะ
ถ้าสังคมหรือประเทศไหนมีคนแบบนี้เยอะ ๆ จบเห่…กันล่ะครับ ไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปากกันหรอก สุภาษิตกำลังภายในเขาบอกว่า “คลื่นลูกหลัง ไล่ทยอยคลื่นลูกแรก” ศิษย์ควรจะต้องเก่งกว่าอาจารย์ สำนักจึงจะก้าวหน้ามีชื่อเสียงเลื่องลือ
ทำไมเรื่องหรือสิ่งแย่ ๆต้องเกิดขึ้นกับตูอยู่เสมอวะ…แ.่ง เอ้ย…โคตรซวย
ชีวิตมันมีขึ้นมีลงครับพี่น้อง โลกนี้ไม่มีความสุขที่แท้และไม่มีความทุกข์ที่จีรังยั่งยืน ทุกสิ่งทุุกอย่างต้องผ่านไป ยกเว้นหมามันจะหวลกลับมาเยี่ยวข้างล้อรถเราเสมอ ถ้าเรายังจอดที่เดิมโดยไม่ทำอะไร…ฮ่า…
ชอบตำหนิติเตียนคนอื่นว่าไม่สามารถทำอะไรได้ดี ทำไมถึงไม่ทำแบบนั้นล่ะ………
ถ้าเราชอบทับถมคนอื่น ต่อไปคนอื่นก็จะมาทับถมเรา จำวรรคทอง คำสอนนี้ให้แม่น ๆ “สิ่งใดที่คุณไม่อยากให้เขามาทำกับเรา ก็อย่าทำสิ่งนั้นกับเขา” จงเรียนรู้โอกาสที่จะสอนเขามากกว่าที่จะตำหนิ
ผมอ่านหนังสือประเภทแนวพัฒนาความคิดบวกหลายเล่ม มันเขียนถึงซ้ำ ๆกัน ผมนั่งอยู่ว่าง ๆก็เลยคิดรวบรวมเรียบเรียงขึ้นมาใหม่ ข้อ 3 ข้อ 5 และข้อ 7 ผมไม่ค่อยเคยคิดถึงมันหรอกครับ ส่วนที่เหลือถ้าเผลอมันจะปิ๊งเข้ามาในหัว เดี๋ยวนี้ชักน้อยลงหรือว่าผมปลงตกได้แล้ว คิดมากแล้วเยี่ยวเหลือง (อิ….อิ…) สักวันผมต้องเอาชนะพวกมันให้ได้อย่างราบคาบครับ
แล้วท่านผู้อ่านล่ะครับ……มีความคิดแย่ ๆนอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วไหม?
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น